ทักทายกันก่อน

สวัสดีท่านผู้มีดวงคนโสดครอบงำทุกท่าน เนื่องด้วย "ชมรมคนโสดดวงกุด" นี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นมุมเล็กของคนผู้มุ่งหวังจะพิชิตดวงคนโสด โดยชื่อ "ชมรมคนโสดดวงกุด" นี้หลายๆ ท่านอาจคุ้นเคยมาจากที่อื่นบ้าง ก็หวังว่าคงยังไม่เบื่อคำนี้กันนะ ไม่อยากจะอินดี้มากไป เลยขอใช้ชื่อแบบเบสิกๆ นี่แหละ เรื่องราวทั้งหมดในชมรมคนโสดนี้ ว่าด้วยเรื่องของคนดวงโสดเป็นหลัก ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะให้ทุกคนได้ทราบและนำความรู้ความคิดจากเนื้อหาที่ได้อ่านไปปฏิบัติจริง แล้วสามารถสลัดคราบคนดวงโสดได้ในที่สุด จากนี้ก็คงไม่มีอะไรจะกล่าวมากครับนอกจากอยากเชิญชวนคนดวงโสดดวงกุดทุกท่านมาร่วมชมรมเพื่อพิชิตดวงคนโสดกัน...หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องราวต่างๆ ที่ได้สรรหามาจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ชมรมคนโสดแห่งนี้ยินดีต้อนรับทุกท่านครับเสมอ แต่หวังว่าครั้งหน้าท่านจะไม่ต้องเข้ามาอ่านบทความเดิมซ้ำอีก...นะครับ

ผมมันปอดคร้าบ

วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2554


สวัสดีคนโสดดวงจู๋ทุกท่าน
  
สำหรับปฏิบัติการปลดแอดคนโสดดวงจู๋ (จู๋ที่แปลว่าสั้นนะ อย่าไปแปลเป็นอื่น) ในบทแรกนี้ขออนุญาตคุณสาวๆ เปิดทางให้หนุ่มๆ ก่อนนะคร้าบ สาวๆ ท่านไหนที่กำลังโสด เซ็ง เบื่อวิบากชีวิต ก็อย่าเพิ่งหน่ายหนีกันไปไหนซะล่ะ สัญญาครับสัญญาว่าไม่นานเกินรอก็จะเป็นคิวของสาวโสดกันบ้าง
แต่ในครั้งนี้ ขอจัดเต็มให้หนุ่มโสดก่อนก็แล้วกัน เหตุผลไม่มีอะไรมาก เพราะคนเขียนก็โสดจร้า !!!!!
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ในบทนี้อยากพูดถึง “ความมั่นใจ”
แหม เริ่มต้นก็ออกจะกัดแซะสีข้างคุณหนุ่มเข้าให้ นั่นเพราะที่ยังโสดอยู่นี่ไม่ใช่ไม่หล่อ ไม่รวย ไม่เก่ง แต่เพราะไม่มั่นใจ ไม่กล้าจะเข้าหาสาวๆ ที่แอบปิ๊ง จึงได้แต่ฟิตกล้ามมือที่หน้าคอมประจำ...แบบนี้จะไปโทษดวงโทษดาวก็คงจะยาก เจือกอยากปอดแหกเองซะงั้น
ปัญหาการขาดความมั่นใจนั้นมีที่มาครับ วิเคราะห์จากประสบการณ์และข้อมูลที่อ่านๆ มา ทำให้ทราบว่า ผู้ชายบางกลุ่มแพ้ผู้หญิง ใกล้ไม่ได้จะเกิดอาการเคอะเขิน นะจังงัง เซโรงัง โง่ ณ บัดดล หรืออีกกรณีไม่กล้าจะเข้าไปเปิดสัมพันธ์กับเป้าหมายทั้งที่ตกหลุมรักจนอยากฉุดเข้ากระเป๋าสะพาย...แต่กับกลุ่มเพื่อนนั้นสุดจะมาดมั่น ลุยโน่นนี่ไม่มีถอย มีความเป็นผู้นำทุกกระเบียดนิ้ว นั่นเพราะคุณมัวแต่คิดว่าตัวเองมีปมด้อยด้านนั้นด้านนี้อยู่ยังไงล่ะครับ มันจึงเป็นปุ่มกดให้คุณไม่กล้า เขิน อาย และท้ายสุดก็เป็นอุปสรรคต่อการสานสัมพันธ์
ถามว่าทุกคนที่ขาดความมั่นใจ จะมีสาเหตุเดียวกันหมดหรือเปล่า อันนี้ตอบได้ทันทีว่าคงไม่ครับ พื้นฐานแต่ละคนต่างกัน แต่ท้ายที่สุดก็จะคิดว่าตัวเองมีปมด้อยเหมือนกัน แล้วก็ส่งผลให้ไม่มีความกล้า เอาล่ะ จากนี้เราจะมาดูข้อมูลดีๆ ที่จะช่วยปลดแอกหนุ่มโสด ให้มีความกล้า มีความมั่นใจกับเขาซะที

อยากจีบมาริโอ้ แต่ไม่กล้า...
มนุษย์ทุกคนมีดีในตัว
ใช่แล้วครับ มนุษย์ทุกคนมีดีในตัว โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่เกิดมาเพื่อเป็นช้างเท้าหน้า เท่ากับว่าคุณมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแน่นอนไม่หนึ่งอย่างก็สองอย่าง หามันให้เจอครับคุณ อย่าเอาแต่น้อยเนื้อต่ำใจ แล้วชูจุดเด่นที่คุณมีให้เจิดจ้าจนคนอื่นก็มองเห็นด้วยตัวเอง เช่น คุณเป็นคนตกเลข ตกภาษา ตกการพูดในที่สาธารณะ ตกประวัติศาสตร์ ตกทุกอย่าง (ไม่น่าเกิดมาเลยจริงๆ) แต่ดันเล่นกีฬาเก่ง ก็เฟ้นด้านกีฬาไป เรียกว่าอยู่กับสิ่งที่คุณถนัดซะ แล้วคุยกับคนที่อยู่ในโลกที่คุณถนัดเยอะๆ ยิ่งเป็นสาวๆ ที่ชื่นชอบกีฬานั้นๆ ด้วยแล้ว เธอพร้อมจะรับฟังคุณพูดโดยสัญชาตญาณครับ แม้คุณจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรก็ตามแต่ต่อไปคุณก็จะชินเอง

มนุษย์ทุกคนมีแย่ในตัว
ข้อด้อยโดยกำเนิด หรือข้อเสียโดยสันดาน เป็นสิ่งที่ทุกคนมีหมดอยู่แล้วไม่ว่าจะยากดีมีจน เอาเป็นว่าพยายามสำรวจตัวเอง แล้วปิดจุดบอดนั้นให้ได้ ปิดที่นี้ไม่ใช่จะสั่งให้กำจัดมันในทันทีนะครับ (เพราะคุณคงทำไม่ได้แน่) แค่ปิดไม่ให้คนอื่นรู้เห็นก่อน แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ หาทางกำจัดมันไปถาวรในภายหลัง ตัวอย่างเช่น คุณเป็นคนปากเหม็นมาก ก็หาทางแก้ไขซะ อาจเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการแปรงฟัน จากที่เคยแปรงแบบลวกๆ ก็ลองฝึกร้องเพลงในใจขณะแปรง จบเพลงเมื่อไรฟันสะอาดเอี่ยมทุกซอกเมื่อนั้นล่ะครับ จากนั้นก็ค่อยหาตัวช่วยอื่น เช่น อมเกลือ หรือเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีกลิ่นหอม ถ้าไม่ไหวจริงก็สเปรย์ระงับกลิ่นปากไปเลย แค่นี้คุณก็ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเบือนหน้าคุยกับคุณแล้ว

อย่าเปรียบตัวเองกับคนที่เหนือกว่า จงเปรียบกับคนที่ด้อยกว่า
ข้อนี้มาจากข้อแรกครับ เพราะเราหาข้อดีตัวเองไม่เจอ แล้วดันไปเปรียบกับคนที่เขามีเหนือกว่าเราในด้านที่เรามุ่งหวังซะอีก ยิ่งทำให้ตัวเองดูด้อยค่าในความรู้สึก ถ้าคุณคิดว่าความหล่อจะทำให้คุณดูดีก็อย่าเอาตัวเองไปกับมาริโอ้ แต่ลองไปเปรียบกับโชเล่ดู คุณอาจหล่อขึ้นเป็นกอง (กำลังพูดถึงประเด็นความหล่ออยู่นะครับ อย่ามาดราม่ากับผมล่ะ) แถมนิดนึง ไม่ใช่จะล้างสมองให้คิดว่าตัวคุณหล่อซะเต็มประดานะครับ แบบหน้าตาจริงๆ เป็นแฝดเสนาหอยแต่เดินประกาศก้องว่า “หล่อกว่ากูก็เทวดาแล้ว” อะไรแบบนี้ เขาเรียกว่าหลงตัวเองนะ

บุคลิกภาพสำคัญมาก
เชื่อมั้ยครับว่าคนที่มีบุคลิกภาพดี เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นคนที่มีความมั่นใจ ซึ่งความมั่นใจนี้ไม่ได้หมายรวมแค่กล้าที่จะคุยกับสาวๆ ที่ชอบนะ แต่เขายังมั่นใจในการลุยทุกๆ ที่อีกด้วย ซึ่งอยากจะขอแยกออกเป็น 2 ที่มาก็คือ ท่าทาง และ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย บุคลิกภาพสำหรับบางคนนั้นมีมาตั้งแต่เกิด แต่ก็ไม่น้อยเหมือนกันที่สามารถสร้างเองได้ โดยเฉพาะข้อหลังที่เป็นเรื่องของนอกกาย เอาง่ายๆ ถามว่าเสื้อเข้ารูปพอดีตัว กับเสื้อหลวมโพรกพองลม ตัวไหนที่คุณใส่แล้วรู้สึกมั่นใจ...ข้อแรกใช่มั้ย นั่นแหละ การเสริมบุคลิกเพื่อให้เกิดความมั่นใจ (สมมติฐานนี้ปัจจุบันสังเกตได้ง่ายมาก คือ ใครที่เดินจิ้มไอโฟนอยู่จะดูมีความมั่นใจสุดๆ จนสัมผัสได้ แม้ว่าหน้าตาจะไม่น่าสะกดคำว่าเทคโนโลยีเป็นก็เถอะ) ส่วนเรื่องของท่าทางการพูดการจาที่บางคนมีมาแต่เกิด อันนี้ก็พอจะสร้างกันได้ แต่อาจใช้ความดัดมากหน่อย ส่วนใครที่ปัจเจกสูง และมักจะกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ฉันเป็นของฉันแบบนี้มาตั้งแต่เกิด จะทำไม” ก็จงเดินขาโก่งตูดส่ายเป็นเป็ดต่อไปครับ

ทักษะการฟัง
การเป็นคนมั่นใจ มีความกล้า ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นคนรุกเข้าไปพูดๆๆๆๆ ฝ่ายเดียว อยากให้คุณลองฝึกทักษะการฟังบ้าง เพราะผู้หญิงจะเริ่มให้ความสำคัญกับคุณ เมื่อคุณทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี และจดจำตัวเลขสำคัญๆ ที่เธอบอกได้ (วันเกิด วันงาน วันนัดหมายสำคัญ มีแนวโน้มว่าผู้หญิงจะประทับใจคนที่จำตัวเลขที่เกี่ยวกับเธอได้) ถ้าคุณยังไม่มีทักษะนี้ ลองฝึกกับเพื่อนสนิทก่อน เมื่อชินแล้วก็หาโอกาสพูดคุยกับคนที่คุณแอบปิ๊ง เมื่อเธอพูดมากขึ้นก็เท่ากับว่าเธอให้ความสนิทกับคุณมากขึ้น คุณก็จะมั่นใจที่จะสานสัมพันธ์ให้ไกลกว่าเดิมเองแหละ (ข้อนี้จะเหมาะกับผู้หญิงที่คุณก็รู้จักอยู่แล้ว แค่ยังไม่กล้าจีบเต็มตัว)

คิดบวก แต่อย่าคาดหวังเกิน
คนเราควรมองโลกในแง่ดี เพื่อเสริมความมั่นใจ แต่เมื่อมั่นใจแล้วก็อย่าริคาดหวังผลลัพธ์ให้สูงมาก เดี๋ยวจะปอดตอนท้าย เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นกับผมครับ สมัย ม.3 อยากซื้อเครื่องดื่มเลี้ยงสาวคนหนึ่งเพื่อเปิดประตูสัมพันธ์ ตอนนั้นคิดอยากให้เขาสนใจเราจริงๆ จึงคิดจะซื้อน้ำเฉาก๊วยให้ เพราะมันน่าจะดีต่อสุขภาพมากกว่าน้ำอัดลม (คิดบวกไง) จึงซื้อน้ำเฉาก๊วยแบบขวดมา ตั้งใจว่าจะฝากเพื่อนไปให้ (ไม่กล้าไปให้เอง) ปรากฏว่า ก่อนจะลงมือฝากใจคิดถึงผลลัพธ์ล่วงหน้าไว้ (คาดหวังเกิน) แล้วเกิดกลัวขึ้นมาว่าจะไม่ได้ดังหวัง กลัวผิดหวัง กลัวเสียหน้า สรุป เลยตัดสินใจไม่ให้ กินเองคนเดียวซะงั้น...จบข่าว

ฝึกการเข้าสังคมกับคนแปลกหน้า
“คุณยิ้มให้ฉันทำไม คุณบ้าหรือเปล่า?”
“ครับผมบ้า แต่ถ้าบ้าแล้วทำให้คุณยอมคุยกับผม...ก็ยอม”
ไม่ได้ตลกนะคร้าบคุณ ไม่ได้ตลก คุณลองทำมั่งสิ แบบว่าอารมณ์ยังไงไม่รู้แหละ เจอหน้าสาวๆ คนไหนก็ “ยิ้ม” ให้ ยิ้มแบบจงใจ...ยิ้มไปเถอะครับ อย่าไปกลัวว่าจะถูกมองว่าบ้า ผมว่าดีซะอีก คุณจะได้ชินกับการสนทนากับสาวๆ แปลกหน้า (ถ้าเขาถามกลับว่าเพี้ยนหรือเป็นอะไรมากมั้ย ก็ตอบๆ ไปตามแต่จะคิดได้ บ่อยเข้าก็ตอบเก่งเอง) หรือดีไม่ดีอาจฟลุคได้เปิดประตูสัมพันธ์กับคนที่บังเอิญชอบนิสัยแปลกๆ ของคุณก็ได้ แต่อันหลังนี้เป็นผลพลอยได้นะครับ ไม่อยากให้คาดหวัง อยากให้โฟกัสที่การฝึกการเข้าสังคมกับคนที่ไม่รู้จักโน่นมากกว่า

ฝึกการแสดง
ถ้าตัดสินใจว่าจะเข้าไปจีบแล้วแน่ๆ ก่อนจะถึงฤกษ์งามยามดี ซ้อมบทให้คล่องสักหน่อยดีมั้ย ลองฝึกกับกระจกดูก็ได้ง่ายดี เป็นบทสนทนาที่คุณเตรียมจะใช้ ลองดูครับ อย่าอายตัวเอง มันเวิร์คกว่าการเอาแต่คิดในหัวเป็นไหนๆ พอถึงเวลาก็สูดลมหายใจลึกๆ แล้วเดินเรื่องไปตามบทที่คุณได้เตรียมมา รับรองว่าคุณจะลื่นไหลแบบไร้กังวล
ไม่ได้อายค่ะ แต่โดนสามีต่อยตา !!!!
การพยายามขจัดความเขิน อาย ไม่กล้า ปอดแหก ให้หมดจากตัวเองนั้นสำคัญทีเดียวครับ เพราะถ้าคุณยังติดเรื่องพวกนี้อยู่ การเปิดประตูสัมพันธ์ก็จะไม่เกิดขึ้นง่ายๆ นอกเสียจากคุณจะรอให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายมาจีบคุณซะเอง ซึ่งดูแล้วต้องเอาเครดิตที่คุณมีมาเป็นตัวตั้งเลยล่ะ เพราะผู้หญิงเขาก็มียาง (อาย) อยู่นะ ถ้าจะเอ่ยปากออกตัวมาจีบผู้ชายก่อน คุณคงต้องมีอะไรพีคๆ โดนใจจริงๆ เธอถึงจะยอมรุกเข้ามา
แนะนำแบบหวังดีครับ อย่ารอเลย คุณนั่นแหละเป็นฝ่ายลุยเข้าไปก่อนเลยดีกว่า สร้างความมั่นใจเพื่อเปิดประตูสัมพันธ์ให้ได้ ปัญหาจากนี้ก็เป็นเรื่องรองแล้วคร้าบ
อ้อ ข้อมูลดีๆ เหล่านี้คุณผู้หญิงจะเอาไปใช้มั่งก็ได้นะครับ ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด.

 ขอบคุณเนื้อหาดีๆ จาก


 

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

ads_box ads_box ads_box